ประโยชน์และคุณสมบัติ ของเครื่องสำอาง เครื่องสำอางสำหรับผิวหนัง ครีมทาผิว ครีมตกแต่งใบหน้า เครืองสำอางตกแต่งใบหน้า เช่น ลบริ้วรอย เหี่ยวย่น ชะลอวัย แก้ฝ้า แก้สิวช่วยให้หน้าขาว แก้หน้ามัน และผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ สินค้ากลุ่มนี้มักจะมีหน้าที่เพื่อแก้ไขความบกพร่อง ของผิวหนังสารสำคัญที่ออกฤทธิ์มักจะถูกพัฒนาวิจัย เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการนำส่งเข้าสู่เซลผิวหนังชั้นที่อยู่ลึกลงไป เนื่องจากเซลที่มีหน้าที่ต่างๆอยู่ค่อนข้างลึก ระหว่างชั้นล่างสุดของหนังกำพร้า และชั้นหนังแท้ เช่น เม็ดสีที่ทำให้เกิดฝ้า ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ และชั้นผิวหนังที่ที่มีการแบ่งเซลสร้างเซลใหม่ อย่างไรก็ตามสารสำคัญที่ออกฤทธิ์แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นล่าง แต่ก็ไม่ควรเข้าสู่กระแสเลือด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นในการใช้สารที่มีอนุภาคระดับนาโนเป็นองค์ประกอบ ประเภทของเครื่องสำอางมีดังนี้
เครื่องสำอางสำหรับผิวหนัง
ครีมทาผิว
-ผลิตภัณฑ์ขจัดสิว
-ผลิตภัณฑ์ขจัดสีผิวและขจัดฝ้า
-ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อและขจัดกลิ่นตัว
-ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด
-ผลิตภัณฑ์ป้องกันแมลงกัดต่อย
เกลือสปา ขัดผิว Moisturizing Bath Salt เกลือสปามีหลายสูตรให้เลือก
-สูตรกลูต้า สูตรสมุนไพร สูตรผลไม้
เครื่องสำอางสำหรับผมและขน
-แชมพูและครีมนวดผม
-ผลิตภัณฑ์ตกแต่งผม
-ผลิตภัณฑ์สำหรับโกนหนวดและกำจัดขน
เครื่องสำอางสำหรับแต่งตาและคิ้ว
เครื่องสำอางสำหรับแต่งใบหน้า
-ผลิตภัณฑ์พอกและลอกหน้า
-ผลิตภัณฑ์กลบเกลื่อน
-ผลิตภัณฑ์รองพื้นแต่งหน้า
-แป้งผัดหน้าและแป้งโรยตัว
เครื่องสำอางสำหรับแต่งแก้ม
เครื่องสำอางสำหรับแต่งปาก
เครื่องสำอางสำหรับทำความสะอาดผิวปาก และฟัน
-ครีมล้างหน้าและครีมล้างมือ
-ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก
เครื่องสำอางสำหรับเล็บ
เครื่องสำอางสำหรับเด็ก
ผลิตภัณฑ์น้ำหอม
ประโยชน์ของครีมกันแดด
ช่วยปกป้องการทำลายเซลล์ผิวหนัง จากรังสีอุลตร้าไวโอเลตในแสงแดด ซึ่งเป็นต้นเหตุของมะเร็งผิวหนัง และยังทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนัง ในคนเอเชียโอกาสที่จะเกิดมะเร็วผิวหนังมีไม่มากนัก ดังนั้นการใช้ครีมกันแดด จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน การเกิดจุดด่างดำบนผิวหนังมากกว่า
SPF (Sun Protective Factor) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า ป้องกัน UVB ได้กี่เท่าส่วน UVA ยังไม่มีค่ามาตรฐาน ปัจจุบันนิยมใช้ PA และเครื่องหมาย + ปกติคนไทยมีผิวคล้ำซึ่งเม็ดสีสามารถป้องกัน UVB ได้บ้างแล้ว
ครีมกันแดด
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับผิวของตนเองเพื่อให้มี ประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะผิวแต่ละชนิดเหมาะกับครีมกันแดดแตกต่างกัน
- ผิวขาวแบบชาวยุโรป เป็นผิวบางมาก เกิดผิวไหม้ง่ายมากหลังสัมผัสกับแสงแดด จึงจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ (SPF 45-60)
- ผิวขาวอมชมพูในคนเอเชีย ผิวชนิดนี้บอบบางมาก เกิดผิวไหม้ได้ไว เกิดผิวสีแทนได้ ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ค่อนข้างสูง (SPF 30-45)
- ผิวขาวเหลืองในคนเอเชีย ผิวชนิดนี้บางแต่ยังมีเมลานินอยู่บ้างจึงสามารถทนต่อแสงแดด การเกิดผิวหนังร้อนแดงได้ช้ากว่าผิว 2 ชนิดแรก ควรเลือกครีมกันแดดชนิดที่มีค่า SPF ปานกลาง (SPF30)
- ผิวคล้ำ มีเมลานินสูง ผิวสีน้ำตาลไม่เกิดการไหม้ ไม่เกิดสีแทน ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF ต่ำ (SPF 15)
SPF ค่าสูงป้องกันได้นานกว่า ไม่ใช่ป้องกันได้ดีกว่า
ความเป็นจริงแล้วค่า SPF (Sun Protection Factor) บ่งบอกถึงระดับความยาวนานของการป้องกันแสงแดดโดยไม่ทำให้ผิวร้อนแดง โดยค่าสูงสามารถปกป้องได้ยาวนานกว่าค่าต่ำ ทำให้ไม่ต้องทาครีมบ่อย
สำหรับผู้ผิวขาว
- ครีมกันแดดที่มี SPF 15 ป้องกันผิวก่อนร้อนแดงได้นาน (15 x 5) = 75 นาที หรือ 1 ชั่วโมง 15 นาที
- ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ป้องกันผิวก่อนร้อนแดงได้นาน (30 x 5) = 150 นาที หรือ 2 ชั่วโมง 30 นาที
- ครีมกันแดดที่มี SPF 60 ป้องกันผิวก่อนร้อนแดงได้นาน (60 x 5) = 300 นาที หรือ 5 ชั่วโมง
สำหรับผู้มีผิวคล้ำ
- ครีมกันแดดที่มี SPF 15 มีระยะเวลาที่ทำให้ผิวร้อนแดง(15 x 15) = 225 นาที หรือ 3 ชั่วโมง 45 นาที
- ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ป้องกันผิวก่อนร้อนแดงได้นาน (30 x 15) = 450 นาที หรือ 7 ชั่วโมง 30 นาที
- ครีมกันแดดที่มี SPF 60 ป้องกันผิวก่อนร้อนแดงได้นาน (60 x 15) = 900 นาที หรือ 15 ชั่วโมง
หน้าที่เข้าชม | 241,815 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 194,091 ครั้ง |
เปิดร้าน | 18 ต.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 2 ก.ย. 2568 |