อาหารเสริมลดน้ำหนัก อาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก อาหารเสริมควบคุมโรคอ้วน อาหารเสริมยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินไนร่างกาย โรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนในระยะยาวได้ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือโรคเบาหวาน การรักษาโรคอ้วนสามารถทำได้โดยการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การรับประทานยา การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการผ่าตัด ปัจจุบันพบว่าการรักษาด้วยวิธีการรับประทานยานั้นเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในวัยรุ่นหรือผู้หญิงที่มีค่านิยมในการอยากผอม การใช้ยาลดความอ้วนอย่างถูกต้องเป็นวิธีที่เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพดี แต่ในปัจจุบันมีการใช้ยาลดความอ้วนอย่างผิดๆ ทั้งจากบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในกลไกการออกฤทธิ์ อาการข้างเคียง และวิธีการใช้ยาที่ถูกต้อง รวมถึงประชาชนบางกลุ่มที่ไปแสวงหายาลดความอ้วนมาใช้โดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลหรือตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตนเองจากการใช้ยาซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพตามมาเป็นอย่างมาก
ความอ้วนเรื่องความอ้วนเป็นปัญหาของคนบางคน และมันก็ยากที่จะแก้ไข บางคนไม่มีเวลาไปออกกำลังกายจริงๆจังๆ หรือบางคนก็เป็นคนที่ชอบกินของอร่อยๆ น้ำหนักเลยไม่ลดสักที แต่ความอ้วนนอกจากจะทำให้บุคลิกภาพไม่ดีแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย เผลอๆมีโรคตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน เบาหวาน ความดันต่างๆ วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับดีๆมาฝาก เกี่ยวกับสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วย ลดความอ้วน ได้ด้วย แถมยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆอีกมากมาย เราไปดูกันเลยค่ะ
1. พริกไทยดำ
พริกไทยดำ มีคุณสมบัติในการช่วย ลดความอ้วน เนื่องจาก ในพริกไทยดำ มีส่วนประกอบของสารไพเพอร์รีน (Piperine) ซึ่งจะมีจุดเด่นในเรื่องความฉุน
และรสชาติที่เผ็ดร้อน ที่ช่วยควบคุมยีนส์ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการก่อตัวของเซลล์ไขมันใหม่ให้ลดลง พร้อมกับทำลายเซลล์ไขมันเก่าที่สะสมอยู่ภายในร่างกาย
2. ขิง
ขิงมีสรรพคุณในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารนั่นคือ ท้องผูก, มีแก็ส, ท้องเสีย, คลื่นไส้, และจุกเสียด และไม่ใช่เพียงแต่นี้ ขิงก็มีประโยชน์ในด้านลดน้ำหนักเช่นกัน นั่นคือมันช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ได้มากขึ้น กำจัดของเสียได้มากขึ้น และทำให้ร่างกายนำพลังงานที่เก็บไว้ในรูปแบบของไขมันออกมาใช้ได้มากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ขิงยังมีช่วยเพิ่มพลังให้กับการเผาผลาญอีกด้วย
3. บุก
บุก มีสาร กลูโคแมนแนนเป็นคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งชนิดหนึ่งซึ่งประกอบด้วย กลูโคส แมโนส ฟรุคโทส มีลักษณะข้นๆ เหนียวๆ ก่อนจะนำมาบริโภคจะต้องผ่านกรรมวิธีที่มากมายในการกำจัดยางและล้างพิษที่อาจจะทำให้คันได้ นำมาขายเป็นเส้นๆ หรือเป็นชิ้นๆ ซึ่งนำไปประกอบอาหารแทนเนื้อสัตว์ได้ เพราะไม่มีรสชาติจึงสามารถปรุงรสได้ตามความชอบ บางครั้งอาจนำมาขายในลักษณะผงชงเป็นเครื่องดื่มรสต่างๆ
4. ส้มแขก
ส้มแขก มีสาร HAC (สารไฮดรอกซีซิตริกแอสิด) อยู่เป็นจำนวนมาก เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการเข้าไปสกัดกั้นและยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินไนร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้กินอาหารได้น้อยลง ทำให้น้ำหนักลด หน้าท้องยุบ ลดพุง รูปร่างเพรียวขึ้น มีผลดีมากในการ ลดความอ้วน
5. ชาเขียว
สารคาเฟอีน และสารฝาดแคททิคิน ในชาเขียว มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มอัตราการเมทาบอลิซึ่มของร่างกายให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มอัตราการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรค และการออกซิเดชันของไขมันเมื่อออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถึง 4 % เมื่อเกิดการเผาผลาญพลังงานได้มาก จึงส่งผลช่วยในการสลายไขมันทำให้น้ำหนักตัวลดลง โดยที่ไม่กระทบต่ออัตราการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้ ชาเขียวยังช่วยให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้มีการทำงานที่ดีมากยิ่งขึ้น จึงทำให้การเผาผลาญอาหารของร่างกายดีมาก
6. กระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบแดง สรรพคุณช่วยลดไขมันในเส้นเลือด และช่วย ลดความอ้วน หรือลดน้ำหนักได้ช่วยลดความดันโลหิต โดยไม่มีผลข้างเคียง ช่วยรักษาโรคเส้นโลหิตแข็งเปราะได้ ช่วยให้ความเหนียวข้นของโลหิตลดลง ช่วยขับปัสสาวะ เป็นการช่วยลดความดันด้วย ไม่เพิ่มการหลั่งกรดในกระเพราะ ทำให้ช่วยย่อยอาหารได้ดีอีกด้วย
7. พริก
พริก จะมีวิตามินซี สามารถช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และมีส่วนช่วยระบบขับถ่าย
และในพริกยังมีวิตามินเอซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งช่วยสร้างภูมิต้านทาน ทำให้กระดูกและฟันของเราแข็งแรง ผิวหน้าและปัญหาจุดด่างดำดีขึ้นอีกด้วย
นอกจากวิตามินแล้ว ในพริกยังมีสาร Capsaicin และ Oleoresin และกรด Ascorbic acid ซึ่งสาร Ascorbic acid นี่เองที่มีบทบาทสำคัญในการ ลดความอ้วน เพราะว่ามันสามารถช่วยให้ไขมันถูกเผาผลาญกลายเป็นพลังงานได้ดี ดังนั้นหากใครที่เป็นคนที่ร่างกายมีการเผาผลาญต่ำ การกินพริกเข้าไปบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : health.mthai.com
+++ L-Carnitine [แอล-คาร์นิทีน] คืออะไร? +++
แอลคาร์นิทีน คือ สารชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้เองที่ตับและไตของเรา โดยสังเคราะห์จากกรดอะมิโนสองชนิดคือ L-Lysine และ L-Methionine โดยต้องอาศัยตัวเร่งในการสังเคราะห์ ได้แก่ วิตามิน บี-3, วิตามิน บี-6, วิตามิน ซี, และธาตุเหล็ก เมื่อสร้างแล้วจะสะสมในกล้ามเนื้อลาย (skeletal muscle) เป็นหลักนอกจากนี้ยังสะสมในหัวใจ สมอง อสุจิ และเนื้อเยื่ออื่นๆที่สามารถใช้พลังงานจากกรดไขมัน (fatty acid oxidation) ได้แอล-คาร์นิทีนส่วนเกินจะถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ และน้ำดี
--------------------------------------------------------------
+++ L-Carnitine ช่วยคุมน้ำหนักได้อย่างไร? +++
ได้ทราบหน้าที่ของ แอลคาร์นิทีน กันไปแล้วว่าช่วยดึงไขมันใช้แต่เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งดีใจไปว่างี้เราก็ซื้อมากินไขมันก็ลดได้เลยซิคิดผิดถนัดเพราะร่างกายจะสร้างพลังงานเมื่อเราต้องใช้พลังงานดังนั้นถ้าเราใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไปไม่ได้ออกกำลังกายร่างกายก็ไม่จำเป็นต้องสร้างพลังงานอะไรมากมายกินแอลคาร์นิทีนเข้าไปมันก็ไม่ได้ไปช่วยอะไรเลยนะค้า
แต่ แอลคาร์นิทีน จะเห็นผลในกลุ่มของคนที่ "ออกกำลังกาย"เพราะเมื่อออกกำลังกายร่างกายมีการใช้กล้ามเนื้อจึงต้องการพลังงานสูงแอลคาร์นิทีนก็จะไปดึงกรดไขมัน เข้าสู่โรงงานผลิตเพื่อสร้างพลังงานออกมานั่นเอง
ชัดเจนนะคะขั้นแรกต้องทำให้ร่างกายต้องการใช้พลังงานก่อนแอลคาร์นิทีนถึงจะทำงานในการดึงไขมันสะสมมาใช้จึงขอสรุปผลในเรื่องการคุมน้ำหนักว่าไม่ได้มีผลเรื่องคุมหรือลดน้ำหนักโดยตรงแต่มีผลในการลดไขมันสะสมถ้าทานร่วมกับการออกกำลังกายเท่านั้นค่ะ!!!
แอล-คาร์นิทีนจะเร่งผลิตไมโทคอนเดรีย ทำให้ไขมันเปลี่ยนเป็นพลังงาน และทำให้สเปิร์มเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น สาเหตุนี้เองที่ทำให้แอล-คาร์นิทีน มีส่วนในการทำงานเผาผลาญไขมัน หรือเบิร์นส์ไขมัน และเป็นที่นิยมของผู้ที่ออกกำลังกาย ผู้ที่ต้องการเสริมความฟิตให้กับร่างกาย และต้องการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งในคนอ้วนนั้นมีการทดสอบพบว่า ในเนื้อเยื่อไม่มีสารกลุ่มคาร์นิทีนเลย หรือมีน้อยมาก นี่เองที่กลายเป็นข้อสันนิษฐานว่า ความอ้วน ไขมัน และแอล-คาร์นิทีน มีความเกี่ยวพันกัน โดยเกี่ยวข้องกับการลำเลียงไขมันไปใช้งาน และเมื่อร่างกายมีแอล-คาร์นิทีนเพิ่มขึ้น ทำให้การเผาผลาญไขมันดีขึ้น
แอลคาร์นิทีน ถูกสังเคราะห์ขึ้นได้ในร่างกายจากกรดอะมิโน 2 ตัว คือ ลิวซีนและเมไทโอนีน ไม่ต้องไปสนใจว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นระดับเพาะกายหรือนายแบบ จะเพิ่มกล้ามเนื้อหรือลดไขมัน คุณจะมีโอกาสไปถึงเป้าหมายได้ไวขึ้น ถ้าคุณมี L-Carnitine เป็นหนึ่งในคลังแสงอาหารเสริมของคุณ มีการศึกษาวิจัยมากมายเกี่ยวกับการทำงานของ L-Carnitine ตั้งแต่ปี 1937 มาดูกันดีกว่าว่าประโยชน์ของ L-Carnitine จะพาคุณไปสู่เป้าหมายได้ยังไงบ้าง
1.ลดไขมัน
ถ้าคุณอยากดูลีนขึ้นกว่าเดิม นี่ก็คือกรดอะมิโนที่คุณต้องการเลยล่ะ แอลคาร์นิทีน จะพากรดไขมัน อย่างเช่น ไตรกรีเซอไรด์ไปยังไมโตรคอนเดรีย และผ่านกระบวนการออกซิไดซ์จนกลายเป็นพลังงาน แถม Carnitine ยังช่วยลดความเมื่อยล้าและความอยากอาหารลงอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วแนะนำว่า แอลคาร์นิทีน ควรจะเป็นอาหารเสริมตัวหลักที่คุณควรเลือกเมื่อคุณไดเอท มันไม่ได้แค่ช่วยให้ร่างกายคุณไม่สะสมไขมันเท่านั้น แต่มันยังช่วยเพิ่มความอึดในการคาร์ดิโอและช่วยเผาผลาญพลังงานให้มากขึ้นอีก
2.เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
L-Carnitine เป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับการเพิ่มกล้าเนื้ออย่างมหาศาล การออกกำลังกายและเสริมด้วย L-Carnitine มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้คุณและช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อในระยะยาวอีกด้วย
3.เพิ่มมวลกระดูก
อาการกระดูกเสื่อมเป็นสิ่งที่น่ากังวลเป็นอันดับต้นๆเลยในผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งส่งผลให้กระดูกหักได้ง่ายขึ้น และอาจเป็นโรคกระดูกพรุนหรือโรคไขข้อเสื่อม โชคดีที่การรับประทาน L-Carnitine เป็นประจำ ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคเหล่านี้ได้และยังช่วยพัฒนาโครงสร้างภายในของกระดูกให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
4.การทำงานของหัวใจ
Carnitine เป็นสารอาหารหลักที่จำเป็นมากๆสำหรับการทำงานของหัวใจ จากการทดลองทางการแพทย์ระบุไว้ว่า แอลคาร์นิทีน มีผลในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยคนไข้สามารถลดการใช้ยาลงได้ บางผลวิจัยบอกว่าการรับประทาน L-Carnitine เป็นประจำยังช่วยลดโอกาสเกิดสภาวะหัวใจล้มเหลวได้อีกด้วย
5.โรคไต
โดยปกติไตของคุณเป็นแหล่งผลิต Carnitine โดยธรรมชาติอยู่แล้ว Carnitine มักจะเป็นตัวหลักสำคัญในการรักษาผู้ป่วยที่ถูกวินิจฉัยว่ามีโอกาสเกิดไตวาย เพราะว่าไตของคนไข้จะไม่สามารถผลิต Cainitine ตามธรรมชาติได้
6.ภาวะมีบุตรยากในผู้ชาย
สำหรับในผู้ชายที่อยากจะมีลูกแต่กลับพบกับสภาวะอสุจิน้อย แนะนำให้ใช้ Carnitine ในการเพิ่มทั้งปริมาณและคุณภาพของอสุจิ
7.ภาวะให้นมบุตร
คุณแม่มือใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร จะทำให้ปริมาณแคลอรี่ในร่างกายลดลง มีผลข้างเคียงทำให้ Carnitine ในร่างกายลดลงไปอีกด้วย แม้ว่าร่างกายจะสามารถผลิต L-Carnitine ได้เพียงพอในขณะท้องจะช่วยป้องกันให้ร่างกายคุณไม่เจ็บป่วยก็ตาม แต่หลังจากนั้นในช่วงให้นมบุตร ระดับ L-Carnitine จะลดลงส่งผลให้ร่างกายอยู่ในภาวะไม่สมบูรณ์ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพของน้ำนม
8.โรคเบาหวานชนิดที่ 2
L-Carnitine มีประโยชน์มากในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 การรับประทาน L-Carnitine ช่วยเพิ่มกระบวนการออกซิเดชั่นกลูโคส และทำให้ร่างกายเก็บกลูโคสได้เพิ่มขึ้นอีก
9.ระบบภูมิคุ้มกัน
L-Carnitine เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง สามารถปกป้องเซลล์ในร่างกายจากจากอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็ง และยังเป็นภูมิคุ้มกันจากไข้หวัดหรืออาการ Overtrain ได้อีกด้วย
10.การทำงานของสมอง
ในผู้สูงอายุเราสามารถใช้ L-Carnitine ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้ เช่นเดียวกับอาหารเสริมจากใบแปะก๊วย L-Carnitine ช่วยป้องกันโรคทางสมองที่เกิดจากอายุหรือความเครียด ทำให้สมองมีอายุยืนขึ้นและทำงานได้ดีขึ้น
โดยปกติแล้ว ขนาดแนะนำสำหรับการบริโภค L-Carnitine ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพและพาคุณไปสู่เป้าหมายทางรูปร่างได้ คือ 2-4 กรัมต่อวัน L-Carnitine มีหลายรูปแบบทั้งเม็ด น้ำหรือแม้แต่เป็นผง หรือสามารถรับ L-Carnitine ได้จากอาหารหลักอีกมากมาย เช่นหน่อไม้ฝรั่ง บรอกโคลี ,กะหล่ำปลี ,กระเทียม ,ผักกาด ,กระเจี๊ยบ ,ผักชีฝรั่ง ,ผักคะน้า ,แอปริคอต ,กล้วย ,ข้าวโพด ,ข้าวโอ๊ต ,รำข้าว และ ข้าวสาลี
เราทำความรู้จักกับสมุนไพรและสารที่กระตุ้นช่วยลดน้ำหนักแล้ว เรามาดูกันว่ามีผลิตภัณฑ์ชิ้นใหนที่เหมาะกับตัวเรา คลิ๊กดูรายการได้เลยค่ะ หรือ กลับไปหน้าแรกของร้าน
หน้าที่เข้าชม | 241,815 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 194,091 ครั้ง |
เปิดร้าน | 18 ต.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 2 ก.ย. 2568 |